top of page

บันทึกการดูงานที่เกาหลีวันที่ 27 ตุลาคม 2568 (ช่วงบ่าย พาร์ท 2/2)

  • watsanayolo
  • 27 ต.ค.
  • ยาว 1 นาที

Big Wave: NGO จากวงเหล้าที่สร้างคลื่นลูกใหญ่ในวงการ Climate Change เกาหลี

ช่วงบ่ายเราไปดูงาน NGO ที่ชื่อ Big Wave (https://www.bigwave4cc.org)

คุณ Kim Min เล่าให้เราฟังว่า NGO แห่งนี้เกิดจากผู้ก่อตั้ง 5 คนคุยเรื่องไอเดียอยากจะจัดตั้งองค์กรเพื่อสร้างคอมมูนิตี้ของนักเปลี่ยนแปลงด้าน climate change ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริงเป็นองค์กรที่ทำให้คนที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและสร้างคลื่นลูกใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงระบบได้ ชื่อ big wave มาจากชื่อยี่ห้อเบียร์ที่พวกเขาดื่มด้วยกันในวันนั้น

เราเพิ่งรู้ว่าวิชาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเพียงวิชาเลือกในประเทศเกาหลี ดังนั้นประชากรในประเทศถึงจะมีองค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องความยั่งยืน SGDs และเรื่องโลกร้อน แต่พวกเขาก็ไม่รู้วิธีการที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับปัญหาที่พวกเขาสนใจอย่างเป็นรูปธรรม

Big Wave เลยสร้างคอมมูนิตี้ของคนที่สนใจเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศขึ้นมาเพื่อรวบรวมคนกลุ่มนี้ไว้ด้วยกัน ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ Business Model ขององค์กรนี้

ถ้าสมาชิกอยากเลื่อนจากระดับธรรมดา คือ ระดับ POOL ที่มีแค่องค์ความรู้ให้ไปสู่การสร้างโปรเจคหรือธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมด้วยตัวเอง สมาชิกต้องจ่ายค่า Membership เพื่อเข้าถึงแหล่งความรู้ การเรียนการสอน และคอนเน็คชั่นส์ต่างๆของ Big Wave ในระดับ CREW

ถ้าผ่านหลักสูตรระดับ CREW ขึ้นไปได้ และเข้าร่วมกิจกรรมหรือทำโปรเจค เพิ่มเติมจนถึงจำนวนชั่วโมงที่กำหนด ก็จะเลื่อนระดับขึ้นไปเป็นระดับ Surfer

ถ้าสามารถทำโครงการสื่อสารสังคมที่เหนือล้ำกว่าระดับ Surfer ขึ้นไปได้ จนครบจำนวนชั่วโมงที่กำหนดไว้ก็จะเลื่อนเป็นระดับสูงสุดคือระดับ ambassador และผู้คนในระดับนี้เองที่จะเป็นหัวเรือหลักในการถ่ายทอดองค์ความรู้กลับมายังคอมมูนิตี้ในระดับที่ต่ำกว่า

เรียกว่าเป็นการสร้างคอมมูนิตี้ที่ช่วยเกื้อกูลกันและกันแบบไม่มีที่สิ้นสุด

ผลงานตัวอย่าง 2 กิจกรรม ของ Big Wave ที่เราคิดว่าน่าสนใจมาก คือ ในการเลือกตั้งที่ผ่าน ๆ มา นักการเมืองของเกาหลีมักจะเอาแต่พูดพูดถึงนโยบายหลักของตัวเองแต่ไม่มีใครนำเรื่องนโยบายด้าน climate change มา debate ในช่องโทรทัศน์สาธารณะเลย Big Wave ทำแคมเปญ เรียกร้องให้ช่องสื่อและนักการเมืองดีเบทเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมและนำเสนอนโยบายเรือธงด้านสิ่งแวดล้อมของพรรคตัวเองต่อประชาชนก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งลองคิดว่าถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย การดีเบทจะมันส์ขนาดไหน เพราะแต่ละหัวข้อด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทยนั้นมันแซ่บเอามาก ๆ

อีกกิจกรรมหนึ่ง คือ การต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิลซึ่งเป็นการร่วมทุนของประเทศเกาหลีในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ต้องท้าวความก่อนว่าประเทศเกาหลีออกไปเปิดโรงงานนอกประเทศหลายที่และไปสร้างความต้องการใช้พลังงานในประเทศนั้น ๆ เพิ่มเติม ในขณะที่ประเทศตัวเองวางเป้าที่จะเป็น carbon neutrality แต่กลับไปสร้างโรงงานที่ก่อให้เกิด carbon footprint มหาศาลในประเทศอื่น กลุ่ม Big Wave เลยเคลื่อนไหวด้วยการร้องขอต่อรัฐบาลให้หยุดลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินภายในปี 2030 ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหนก็ตาม ซึ่งในที่สุดรัฐบาลก็ออกมาประกาศว่าจะไม่มีการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกหลังจากปี 2030 เป็นต้นไปและจะเปลี่ยนไปสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดแทนไม่ว่าจะไปลงทุนในประเทศไหนก็ตาม

สารภาพว่าเรานั่งอยู่ตรงนั้นเราอิจฉาพลเมืองเกาหลีมาก ๆ ที่ประชาชนของเขามีสิทธิ์และรัฐบาลของเขารับฟังเสียงของประชาชนจริง ๆ

เพื่อนจากประเทศเวียดนามที่ไปดูงานพร้อมเราแชร์กับคุณคิมว่า “ในประเทศเวียดนามถ้าประชาชนลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลแบบนี้รับรองว่าโดนจับเข้าคุกแน่ ๆ พวกคุณทำยังไงให้สร้างการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ขัดแย้งกับรัฐบาล”

ในขณะที่เราแชร์ให้เค้าฟังว่า “ในประเทศไทยก็คล้าย ๆ กัน ถ้าคุณออกมาพูดอะไรที่แม้จะเป็นความจริงแต่ขัดผลประโยชน์กับผู้มีอำนาจในประเทศก็เป็นไปได้มากที่จะโดนฟ้องปิดปากและทำให้อาชีพการงานของคุณมีปัญหาไปเลย คุณคิมมีข้อแนะนำยังไงต่อพวกเราที่อยู่ในประเทศที่รัฐบาลอาจจะไม่ได้รับฟังประชาชนมากเท่าเกาหลีไหม”

คุณคิมตอบเราว่า “พวกเราอยู่ในประเทศที่ประชาชนเข้มแข็งพอที่จะต่อต้านรัฐประหารได้ เพราะฉะนั้นสำหรับพวกเราประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงเสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะพูดอะไรก็ได้ การสื่อสารของเราควรเป็นไปอย่างจริงใจ ซื่อตรงและต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงไม่ใช่ใช้อารมณ์ หรือปลุกปั่นสังคม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชั่วคราว แต่เราต้องช่วยกันสร้างความร่วมมือกับผู้มีอำนาจในประเทศไม่ว่าจะอยู่ภาคส่วนไหนให้เห็นภาพเดียวกับเรา แล้วสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน

สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากบอกก็คือ คุณไม่ควรทุ่มทุกอย่างไปกับงานของคุณ มันไม่จำเป็นที่คุณต้องเครียดกับทุกอย่างที่ไม่ได้ดั่งใจหรือไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แค่ทำในสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำให้ดีที่สุดและ ใช้เวลาดูแลตัวเองด้วย มีชีวิตให้มีความสุข แล้วใช้ความสุขนั้นสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม ทำให้ดีที่สุดเท่าที่คุณทำได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว สำหรับการสร้างการเปลี่ยนแปลงของคนหนึ่งคน”

ปิดท้าย sharing session ด้วยการขึ้นไปถ่ายรูปบน rooftop โดยมีวิว solar panel เป็นฉากหลังท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ด้วยหัวใจที่อิ่มฟู

ประเทศไทยต้องก้าวไปสู่จุดที่เหมือนเกาหลีได้ในสักวัน


 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page